ถ้าคุณไปชมมิสชั่นสี่ที่โรงไอแมกซ์ สาขาพาราก้อน คุณจะได้ชม ฟุตเตจหกนาทีของเรื่อง The Dark Knight Rises ในขนาดภาพเต็มจอไอแมกซ์ ในแบบที่อึ้งและทึ่งจนอยากจะให้วันหนังฉายมาถึงไวไว แล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องชม The Dark Knight Rises ในโรงไอแมกซ์ ไม่เล่านะอยากให้เห็นกับตาเอง และมิสชั่นสี่ โกสท์โปรโตคอล ที่จะพูดถึงในตอนนี้ ก็เป็นในเวอร์ชั่นไอแมกซ์เท่านั้นนะครับ
หนังมีฉากที่ภาพเต็มจอไอแมกซ์อยู่หลายฉาก ครั้งละนานๆและในฉากใหญ่ทั้งนั้น โชว์พื้นที่อันกว้างใหญ่ คุ้มที่จะเข้ามาดูแบบไอแมกซ์ แต่ซับไทยสีขาวจาง และเมื่อมีตัวละครพูดภาษาอื่น จะมีขึ้นซับภาษาอังกฤษสีเหลือง ทับซับไทยไปซะงั้น แต่ไม่บ่อยนักหรอก
หนังสายลับ ผลงานที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของทอม ครูซ ถ้าใครทันดูภาคแรกในโรงหนัง ป่านนี้ก็คงมีลูกมีเต้ากันหมดแล้ว Mission: Impossible ภาคแรกฉายเมื่อ15ปีที่แล้ว ปี2539 เนี่ยยุคเดียวกับ Trainspotting, Fargo, โรมิโอแอนด์จูเลียตเวอร์ชั่นลีโอนาโด้, เดอะร็อคแหกคุกอัลคาทรัซ, ไอดีโฟร์ยึดโลก, เจอร์รี่ แม๊กไกวน์ หนังกำลังใจดีดี, สครีมภาคหนึ่ง, พายุทวิสเตอร์, สเปซแจมไมเคิล จอร์แดน, เดย์ไลท์ ระเบิดปิดอุโมงค์, อีเรเซอร์ อาโนลด์ ฯลฯ เอ่อ ชื่อที่ผมเอ่ยมา หากรู้จักมากกว่าครึ่งนี่ แปลว่าโตมากแล้วนะ ฮ่าฮ่า มิสชั่นภาคแรกเอง ของไบรอัน เดอพัลมา ก็ยังเป็นที่พูดถึงมาจนทุกวันนี้ ในความคลาสสิค ภาคสอง(2543)เป๋ไปบ้าง จากจอห์นวู แต่เปิดเพลง เทกอะลุคอะราวด์ ของลิมพ์บิสกิต ก็นึกถึงหนังเรื่องนี้ ภาพทอม ครูซ ปีนหน้าผา โยนแว่น ทุกทีสิน่า (ในปี2543 เอ็มไอทู ทำเงินในบ้านเราไปถึง 88ล้านบาท สูงสุดอันดับหนึ่งของหนังเทศ แต่ก็พ่ายให้กับหนังไทยที่ทำสูงกว่า นั่นคือ สตรีเหล็ก ทำไป 99ล้านบาท) ก่อนที่จะหายไปหกปี แล้วมาเกิดใหม่อย่างหล่อในภาคสาม(2549)ในมือของ เจเจอับราม บ้านเราทำเงินได้ไป 107.2 ล้าน แพ้ไพเรทภาคแรกที่หนึ่งไปหน่อยเดียว
มาภาคนี้ Mission Impossible Ghost Protocols ได้ แบรด เบิร์ด ผู้กำกับจาก แอนิเมชั่นของพิกซาร์อย่าง ดิ อินเครดิเบิ้ล ครอบครัวยอดมนุษย์ และหนังเจ้าหนูอยากเป็นพ่อครัว แรทอะทูอี ที่ทำการ์ตูนออกมาอย่างสนุกมาก พอมาทำหนังแบบคนแสดงจริงบ้าง ซึ่งทำออกมาได้ไม่ผิดหวังครับ ภาคนี้พูดถึงปฏิบัติการณ์ของหน่วย IMF ที่โดนวางยา ใส่ร้ายว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ทำลายนครเครมลิน ทีนี้ทั้งทีมก็มีอยู่แค่สี่คน สมองของทีม นางนกต่อ ฝ่ายบู๊ ไม่มีกำลังเสริมหรือหน่วยใดมาช่วย คือสถานการณ์แบบนี้ คำว่าเป็นไปไม่ได้มันออกมาอย่างเด่นชัด และค่อยๆเผยปูมหลังของแต่ละคนออกมา ความเชื่อมโยงของแต่ละคน หนังมีมุขตลกอยู่ประปราย พอให้ไม่เครียด ไม่เหนื่อยจนเกินไป สาวๆในเรื่องนี้มีน้อยไปหน่อยนะ
หนังมีฉากแอ็คชั่นที่น่าสนใจ ดังเห็นได้จากที่ปล่อยโปรโมทออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นฉากปีนตึกสูง เบิร์จ คาลิฟา ที่ดูไบ (เอ่อ ฉากนี้ถ่ายจริงสลิงช่วย ภาพในโรงไอแมกซ์ยิ่งทำให้ฉากนี้อลังการขึ้น คนกลัวความสูง มีเสียว), ฉากไล่ล่ากลางพายุทราย แต่ก็ไม่ได้มีแค่นั้น มีอีกหลายฉาก ฉากไล่ล่าไม่ว่าจะวิ่งไล่ ขับรถไล่ โอ้วว เสียดายรถ
อีกอย่างคือ อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆที่สายลับแต่ละคนใช้ ก็ทำให้เราตื่นตาไปกับมัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สร้างภาพบนผืนผ้าใบตรวจจับจากหน้าคน (ไอแพดไอโฟน เป็นอุปกรณ์สายลับเหรอเนี่ย), ถุงมือปีนตึก อันนี้คู่กับฝีมือคนด้วย, เนวิเกเตอร์บนกระจกในรถ, คอนแทคเลนส์ถ่ายรูป (อันนี้อยากได้มาก), โทรศัพท์สายลับ ฯลฯ รวมไปถึงความงดงามของโลเกชั่นในหลากหลายประเทศ รัสเซีย, มุมไบ, ดูไบ ฉากตึกลานจอดรถแบบไฮเทค ก็มีให้เห็น (เห็นฉากนี้แล้วนึกถึงหนังสตาร์วอร์ภาคหกแฮะ) ถ่ายทอดออกมาได้อย่างแจ่ม
ข้อคิดดีๆจากหนังเรื่องนี้ก็คงเป็นเรื่อง การทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด การสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ทีมที่วิตกให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมา กระตุ้นทีมโดยการทำให้เห็น และเมื่อมีโอกาส เราควรได้แก้สิ่งที่ผิดพลาด
ทอม ครูซ ในบท อีธาน ฮันท์ จากภาค หนึ่ง สอง สาม
หนังออกมาโอเคแบบนี้ นักวิจารณ์ชอบเยอะ รายได้มีแนวโน้มดี ภาคห้าก็น่าจะมีออกมาได้อีกเรื่อยๆ เพราะทอม ครูซ ยังไงก็ไม่แก่
ให้ 8/10 เพราะฉากแบบไอแมกซ์นี่มันช่างตะลึงตาจริงๆ เดี๋ยวไปดูเวอร์ชั่นปกติอีกรอบ อยากรู้ต่างกันมากมั้ย
โดย Tyler Movie.Mthai